ประโยชน์และวิธีดูแลรักษา“จอ LED”

“จอ LED” เหนือชั้นทุกการแสดงผล ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด ทำให้การผลิต “จอ LED” มาเหนือชั้นกว่าจอแบบอื่น ๆ และเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน ความเหนือชั้นที่คาดไม่ถึงนั่นคือ

• ความสว่าง
  “จอแอลอีดี” ให้แสงสว่างที่สูงและสม่ำเสมอมากกว่าจอแบบอื่น ทำให้ภาพมีความสว่างสดใสและมองเห็นได้ชัดเจนในที่แสงจ้า
• ความคมชัด
  “จอแอลอีดี” ให้การแสดงผลภาพที่มีความคมชัดสูง รายละเอียดของภาพจึงปรากฏชัดเจน
• ความกว้างของมุมมอง
  “จอแอลอีดี” สามารถแสดงผลภาพได้อย่างคมชัดจากทุกมุมมอง ทำให้ผู้ชมสามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนจากทุกที่
• มีสีสัน
  “จอแอลอีดี” สามารถแสดงผลสีสันได้หลากหลายและสมจริง
• ประหยัดพลังงาน
  “จอแอลอีดี” ใช้พลังงานน้อยกว่าจอแบบอื่น ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

นอกจากนี้ “จอ LED” ยังสามารถผลิตได้ในขนาดและรูปร่างที่หลากหลาย ทำให้สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ เช่น “จอ LED” สามารถนำมาผลิตเป็นโทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ จอสมาร์ทโฟน จอป้ายโฆษณา จอแสดงผลในที่สาธารณะ เป็นต้น

ประโยชน์ที่มากกว่า หากใช้จอ LED 

• ประโยชน์ด้านประหยัดค่าใช้จ่าย
  “จอ LED” ใช้พลังงานน้อยกว่าจอแบบอื่น ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการประหยัดพลังงาน เช่น จอป้ายโฆษณา จอแสดงผลในที่สาธารณะ เป็นต้น
• มีอายุการใช้งานยาวนาน
  “จอ LED” มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าจอแบบอื่น ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว อีกทั้งน้ำหนักเบากว่าจอแบบอื่น ทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายและติดตั้ง
• ทนทานต่อสภาพอากาศ
  “จอ LED” สามารถทนทานต่อสภาพอากาศ และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง

นอกจากนี้ “จอ LED” ยังสามารถผลิตได้ในขนาดและรูปร่างที่หลากหลาย ทำให้สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการอีกด้วย จึงนับได้ว่าการติดตั้ง “จอ LED” มีความคุ้มค่า และก่อประโยชน์ให้ผู้ใช้งานอย่างมาก

“จอแอลอีดี” ผลิตจากอะไร ทำไมประหยัดไฟกว่าจอแบบอื่น?

“จอ LED” ผลิตจากหลอด LED (Light Emitting Diode) ซึ่งเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งที่ปล่อยแสงออกมาเมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน หลอด LED แต่ละดวงจะประกอบด้วยวัสดุ 2 ชนิด คือ สารกึ่งตัวนำแบบ p และ n ซึ่งเมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจะทำให้สารทั้งสองเชื่อมกัน ทำให้เกิดแสงสว่างออกมา

“จอ LED” ประหยัดไฟกว่าจอทั่วไป เนื่องจากหลอด LED มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นแสงสว่างได้สูงกว่าหลอดไฟแบบอื่น เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดไส้ หลอด LED มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นแสงสว่างได้สูงถึง 90% ในขณะที่หลอดฟลูออเรสเซนต์มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นแสงสว่างได้เพียง 60% และหลอดไส้มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นแสงสว่างได้เพียง 20%

นอกจากนี้ “จอ LED” ยังสามารถควบคุมความสว่างของภาพได้อย่างละเอียด ทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้มากขึ้น โดยเมื่อต้องการลดระดับความสว่างของภาพ “จอ LED” จะสามารถลดจำนวนหลอด LED ที่ทำงานลงได้ ทำให้ใช้พลังงานน้อยลง

อายุการใช้งานเฉลี่ยของ “จอ LED”

“จอ LED” มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าจอแบบอื่น โดยเฉลี่ยแล้ว “จอ LED” สามารถใช้งานได้นานถึง 100,000 ชั่วโมง ดังนั้น หากเทียบระยะเวลาการใช้งาน 10 ปี “จอ LED” จะทนกว่าจอแบบอื่น โดย “จอ LED” ยังสามารถใช้งานได้อยู่ ในขณะที่จอแบบอื่นอาจเริ่มมีอาการเสื่อมสภาพ เช่น ความสว่างลดลง ภาพที่แสดงผลไม่คมชั เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาการใช้งานของ “จอ LED” นั้นยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ อีกหลายประการ เช่น สภาพแวดล้อมในการใช้งาน เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ฝุ่นละออง การใช้งาน เช่น การเปิดใช้งานบ่อยครั้ง หรือเปิดใช้งานเป็นเวลานาน เป็นต้น

วิธีการรักษา “จอ LED” ให้ใช้งานได้ยาวนาน

หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าจอโดยตรง ควรใช้ผ้านุ่มหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ในการทำความสะอาด “จอ LED” เพื่อป้องกันความเสียหายต่อจอ

• หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความชื้น ความชื้นสามารถทำให้แผงวงจรของ “จอ LED” เสียหายได้ ควรหลีกเลี่ยงการวาง “จอ LED”  ในที่ที่มีความชื้นสูง
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อน ความร้อนสามารถทำให้หลอด LED ของจอเสื่อมสภาพได้ ควรหลีกเลี่ยงการวาง “จอ LED” ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง
• หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดหน้าจอด้วยสารเคมี สารเคมีบางชนิดสามารถทำให้ “จอ LED” เสียหายได้ ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ หรือน้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยนในการทำความสะอาดหน้าจอ
• ปิดเครื่องเมื่อไม่ได้ใช้งาน การปิดเครื่องเมื่อไม่ได้ใช้งานจะช่วยยืดอายุการใช้งานของ “จอ LED” ได้

นอกจากนี้ ควรตรวจสอบสภาพของ “จอ LED” เป็นประจำ หากพบจุดด่างดำหรือรอยแตก ควรรีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยน “จอ LED” ใหม่ทันที เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามจนทำให้ “จอ LED” เสียหายอย่างถาวร